- อาจบอกได้ว่า ถ้าถูกจริตกับวัดดอนยายหอมมาก่อน วัดกุดเวียนก็ดูจะคล้ายกัน
- มีทั้งเรื่องของคนอัธยาศัยใจคอดีกับอีกทั้งเรื่องขลัง ซึ่งยังเร้าใจอยู่ได้ทุกวัน
ถามผู้การสมชาติจะได้คำตอบว่า เร้าใจมานานกว่า 30 ปี เริ่มตอนสงครามเวียดนาม ตลอดทั้งตัวท่าน คือ "ขลังแห่งวัดกุดเวียน" เป็นหนึ่งในหลายสำนักขลังที่เอาชีวิตรอดมาได้อย่างผึ่งผาย
เรียกได้ว่า ชีวิตหลังความขลังในเวียดนามนั้น มีคุณค่าพอที่จะอยู่กับความเร้าใจจนปัจจุบัน
ผู้การสมชาติ เป็นคำเรียกติดปาก แท้จริงแล้ว ท่านมียศนายพล เข้าใจว่าตอนนี้ คือ พลตรีสมชาติ อนันตพงศ์ เคยเป็นทส.ของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้วายชนม์สมัยที่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ท่านนี้มีศรัทธา สร้างพระถวายวัดสันติกาวาส อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2533 ผู้การสมชาติ ซึ่งตอนนั้นเป็นผู้การจริงๆคือ มียศพันเอกฝ่ายเสนาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้เป็นแม่งาน ดำเนินการสร้าง และจัดพิธีพุทธาภิเษก
พระที่จัดสร้างในคราวนั้น เรียกง่ายๆให้ติดปากว่า "เหรียญหลวงพ่อหัวตะพาน" ข้างหน้าทำเป็นรูปพระประธานในพระอุโบสถ ข้างหลังคือพระนามย่อ ญสส.ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีครูบาอาจารย์มาร่วมพิธีพุทธาภิเษก 9 รูป คือ หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน, หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่, หลวงพ่อหนูอินทร์ วัดป่าพุทธมงคล, หลวงปู่ศรี วัดประชาคมวนาราม, หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ, หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ, หลวงปู่เสาร์ วัดกุดเวียน และอีก 2 รูปที่ผมจำไม่ได้
พิธีนี้แหละที่ผมรู้จักชื่อหลวงปู่วัดกุดเวียน เป็นครั้งแรก - รู้ความจริงว่า ผู้การสมชาติมีหลวงปู่เสาร์ คุ้มตัวตลอดเวลาในเวียดนาม
อะไรที่ผู้การสมชาติถือไว้ตลอด สงครามของสำคัญนั้นคือ "น้ำมัน" บรรจุไว้ในขวดเล็กๆพกใส่ในกระเป๋าเสื้อ น้ำมันนี้มีคุณลักษณะพิเศษ สามารถพยากรณ์เหตุร้ายเหตุดีที่จะเกิดขึ้นได้เมื่อใด จะออกปฏิบัติการ จะลาดตระเวน หรือจะอะไรก็แล้วแต่ ผู้การสมชาติจะเอาน้ำมันมาอธิษฐานดู ถ้าหากน้ำมันเดือดเป็นฟองพล่านเป็นอันแน่ใจได้ว่า มีการปะทะแน่ ถ้าไม่เดือด ขึ้นฟอง คงสภาพอยู่ตามปรกติ ก็แปลว่าปฏิบัติการเที่ยวนี้ปลอดโปร่ง
ผู้การสมชาติบอกว่าทุกครั้งที่น้ำมันเดือดขึ้นฟอง ต้องมีเรื่องปะทะกับเวียดกงทุกที
ซึ่งเมื่อเตือนลูกน้องให้ระวังตัวจงดี ลูกน้องเชื่อถือกันทุกคน ด้วยเห็นจริงมาตลอด กลายเป็นพระร่วงวาจาสิทธิ์แห่งเวียดนามไป
ว่ากันว่า หลวงปู่เสาร์สำเร็จน้ำมัน ซึ่งนอกจากจะบอกเหตุล่วงหน้า ทั้งร้ายหรือดี แล้วก็ยังมีคุณลักษณะคุ้มกันเภทภัย เช่นเดียวกับตะกรุดอีกด้วย การสร้างเสกน้ำมันแบบนี้มองย้อนหลังไปไกลๆ ยังคิดไม่ออกว่ามีใครทำได้ เหมือนอย่างนี้ ความสำเร็จ ในการสร้างเสกเครื่องมือเตือนภัยเห็นจะมีอยู่ที่วัดกุดเวียนเท่านั้น
สำนักอื่นๆ หากจะมีเช่นนี้บ้าง ก็เป็นรูปแบบที่แตกต่างออกไปไม่ใช่น้ำมัน อย่างเช่น สำนักสวนหินผานางคอย ของหลวงปู่พรหมา เขมจาโร อิสีขลังผู้ชาญพระเวทรูปนั้น จะฝังของแปลกๆไว้ที่ใต้ท้องแขน ทั้งเม็ดแร่, ตะกรุด หรือพลอย หรือแม้แต่พระปิดตาองค์เล็กๆ ของพวกนี้คุณสมบัติบอกเหตุร้ายดีได้เหมือนน้ำมันวัดกุดเวียน การฝังของเหล่านี้ดูเหมือนจะมีลูกศิษย์ ไม่กี่คนที่ท่านฝังให้ท่านเรียกการฝังนี้ว่า "เข้าของ" ผมรับการ "เข้าของ" จากหลวงปู่พรหมา โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ดูเหมือนจะเป็นระหว่างฤดูหนาวของ ปี 35 กำลังนั่งเหลาไม้เท้า ถวายท่านเพลินๆอยู่กุฏิหลังที่ 4 ท่านให้เณรมาตามบอกว่า พ่อจะเข้าของให้ลูก ของที่ท่านจะเข้าให้นั้นเรียกว่า เหล็กเปียก ท่านใช้คีมตัดแบ่งออกมาจากชิ้นใหญ่ คะเนว่าขนาดเท่ากับหัวแม่มือแบ่งแล้วชิ้นโตเท่าเม็ดถั่วเขียว ท่านว่าเหล็กเปียกนี้ พ่อ ปู่ฤาษี ผู้เป็นอาจารย์ของท่านมอบให้ก่อนลงจากภูเขาควาย ให้ท่านอมไว้ในปากระหว่างเดินทาง จะช่วยให้ไม่หิวข้าว หิวน้ำ ท่านว่า 2-3 วัน ที่เดินจากพ่อปู่ฤาษี ไม่ได้บิณฑบาต ไม่ได้ฉันน้ำ ก็ไม่รู้สึกหิวกระหายจริงๆ "นี่ถ้าไม่ใช่ลูก พ่อไม่ให้หรอกนะ"
ท่านกล่าวเมื่อเห็นผม ออกอาการกลัวเข้าของ
เวลาจะเอาของเข้า แทบลืมหายใจก็ถึงกับต้องดึงหนังใต้ท้องแขนยืดออกมาพาดกับเขียงไม้แล้วเอา สิ่วทองเหลืองตอกโป้งทะลุ เปิดรูหนังเพื่อยัดของเข้าไปไว้ใต้หนัง ยังงั้นไม่กลัวได้ไงไหว
"ของ" ซึ่งก็คือ "เหล็กเปียก" ที่ท่านเข้าให้ผม มีคุณสมบัติบอกเหตุ ได้จริง - ถ้าคันจี๊ดขึ้นมาแสดงว่า จะมีคนมาหาเป็นคนที่เราไม่คาดว่าจะมา คนที่ไปมาหาสู่ประจำธรรมดา จะไม่แสดงอาการคัน
ถ้ากระตุกแรงๆ อย่าไปข้างหน้า หรือให้รีบหนีจากที่ตรงนั้น เพราะว่ากำลังจะมีอันตราย ผมเลยกลายเป็นคนมีฌานหยั่งรู้ล่วงหน้าได้ทุกครั้งที่จะมีคนมาหาอย่างน่าแปลก ส่วนกระตุกอันตราย ไม่เคยเกิดขึ้น
ทุกวันนี้ผมผ่าเอาเหล็กเปียกที่ท่านฝังให้ออกแล้วครับ
ถือยาก ข้อห้ามเยอะเกินไป เจอกับรณธรรม ธาราพันธ์ เมื่อเดือนที่แล้ว พี่แกอ้อนจะเอาเหล็กเปียก ที่ผมผ่าออกจากตัวไปเข้าตัวพี่แกเองให้ได้ ขู่ว่า ข้อห้ามมีมากหลายนะ ก็ว่าสบายมาก ขู่อีกว่า ผมเป็นเอดส์นะโว้ย ก็ไม่กลัว
เอ้า...เอาไปเลย
ตกลงกับหมอจิมมี่ คงเจริญ หมอมือเซียนแห่งโรงพยาบาลสมเด็จพระศรีราชา หรือยังว่าหมอท่านจะยอมลงมีดผ่าตัดฝังให้หรือเปล่า
เกี่ยวกับน้ำมันเตือนภัยของหลวงปู่เสาร์นี้ ทราบว่าทำจากเมล็ดงาดำ เก็บเอาตามป่าช้า เวลามีพิธีศพ เดี๋ยวนี้ภาพของป่าช้าเปลี่ยนไป พิธีศพทันสมัยมากขึ้น น้ำมันก็ทำยากขึ้น เข้าใจว่าจะไม่ได้ทำอีกแล้ว ถ้าใครได้รับในสมัยหลัง เชื่อได้ว่าเป็นของเก่าที่ทำไว้ นานเนแล้ว
ศาสตร์วิชชาแปลกๆแบบนี้เป็นความฉลาดของครูบาอาจารย์โบราณ เป็นเครื่องมือเตือนภัยอยู่ในโลกที่วิทยาศาสตร์ เอื้อมไม่ถึง เป็นของมีคุณค่าควรแก่การทะนุถนอม แต่เหตุใดหนอวันหนึ่งก็จะเสื่อมสูญไป ทั้งไร้ผู้สืบทอด ทั้งไร้ผู้ทำได้เหมือน ทั้งยังจะถูกวิทยาศาสตร์เข้ามาไล่ที่ ทั้งยังมีความงมงาย คอยยิ้มเยาะ
ผมจึงเห็นว่า ควรอ้างเอาสิทธิมนุษยชนคือ "กูจะนับถือของกู ใครจะทำไม" นี่พูดแบบคนข้างวัดบ้านไร่ ที่ใครได้ยินสำเนียงแล้วเพราะจับใจ ไม่เห็นหยาบคายตรงไหน
คนพูดมึง กู ได้ไพเราะ น่าฟังที่สุดในยุคนี้ คือ หลวงพ่อคูณ นี่แหละ ท่านพูดออกมาจากใจ ยืนยันศิลาจารึกพ่อขุนรามว่า คนรุ่นเก่าเขาพูดกันอย่างนี้ทั้งบ้านทั้งเมืองท่านคือผู้สืบทอดมึง กูได้สมบูรณ์แบบตามตำรับโบราณ ซึ่งคนรุ่นนี้ไม่อาจทำได้เหมือน
ลองเลียนแบบการขึ้นมึงกูซิครับ รับรองได้ว่านั่นกำลังจะตีกัน แต่หลวงพ่อคูณขึ้นมึงกูกับคนแปลกหน้าวันหนึ่งหลายร้อยหน้าโดยไม่มีปัญหา
เรียกว่าคนละฝีมือ - ลูกๆขึ้นมึงกูเมื่อไรพ่อแม่ได้ยินเข้า อาจโดนตีแผะ เพราะคนรุ่นใหม่เขาไม่พูดกันแล้ว มึงกูยุคนี้เป็นคำไม่สุภาพ
เหมือนกันกับศาสตร์ วิชาทางขลังโบราณ ซึ่งวันนี้ต้อองระวังตัวแจว่าเป็นวิชางมงาย คนรุ่นใหม่ ไม่มาเสียเวลากับเรื่องที่เห็นว่าไร้สาระนี้หรอก
ศาสตร์วิชาเหล่านี้ แม้ถ่ายทอดให้กันยังนับว่าสืบทอดยาก ถึงชั้นลูกศิษย์ แล้วจะเหมือนอาจารย์เลยก็หาไม่ - ชั้นอาจารย์ยิงโป้งไม่เข้า ชั้นลูกศิษย์แค่เฉี่ยวๆอาจถึงหัวใจวายตายไปเอง
- สาระที่เคยมีเคยเป็น ก็กลายเป็นไร้สาระ
เมื่อครูบาอาจารย์ยังอยู่ ผมขออนุญาต แนะว่าผู้ถือสิทธิมนุษยชน แบบเดียวกับผมจงขวนขวายเถิด -
ตัวอาจารย์เองย่อมเคยเป็นศิษย์มาก่อน อาจเป็น 1 ใน 100
ศิษย์ที่สืบทอดได้เหมือน
จึงเป็นหนึ่งเดียวที่อยู่บนความล่อแหลมแห่งการเสื่อมสูญของสาระ
คือหมดท่านเมื่อไร "ไร้สาระ" จู่โจมทันที
หลวงปู่เสาร์ วัดกุดเวียน คือ สาระแห่งขลังที่ยังมีชีวิตอยู่
อายุท่านวันนี้ 93 ปีแล้วครับ
ยัง สงเคราะห์ญาติโยม ได้เป็นอย่างดี
"ทุกข์ไม่ทำ ทำไม่ทุกข์ ทำ พูด คิด ไม่ติดทุกข์"
คำพูดของท่านที่เมื่อฟังแล้วจับใจอย่างบอกไม่ถูก เป็นคำพูดของพระอย่างแท้จริง ปุถุชนไหนเลย จะรู้จักพูดเยี่ยงนี้
93 ปี ของหลวงปู่เสาร์อุทิศให้พระพุทธศาสนามาแล้ว 75 ปี คือ บวชตั้งแต่อายุ 18 ปี มีพระอุปัชฌาย์องค์เดียวกับหลวงปู่เครื่อง วัดสระกำแพง คือ พระอุปัชฌาย์ฉิม วัดบ้านเมืองหลวง อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ ท่านเกิดที่บ้านลิ้นจี่ ตำบลบ้านเมืองหลวง เป็นคนบ้านเดียวกันกับหลวงปู่เครื่อง คือเป็นคนศรีสะเกษด้วยกัน แต่ไม่ทราบว่า ทั้ง 2 ท่านรู้จักมักจี่กันหรือไม่แค่ไหน บวชแล้วได้นามฉายาว่า ติสฺสปญฺโญ
หลวงปู่เสาร์เดินธุดงค์ไปทั่ว ทั้งเมืองกาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม ลพบุรี นครสวรรค์ กำแพงเพชร และอีกหลายจังหวัดที่จำไม่ไหว
สังเกตไหมครับว่า พระที่ธุดงค์เก่ง มักจะเก่งด้วย เพราะธุดงค์นั้นมีโอกาสพบพระธุดงค์ด้วยกันเยอะแยะ หรือแม้แต่พบครูบาอาจารย์ที่ไม่ได้คาดหวังตั้งใจ
หลวงปู่บอกว่า ท่านมีอาจารย์หลายคนแต่ที่ท่านเอ่ยชื่อออกนามคือ อาจารย์คูณ
คนละคูณกับวัดบ้านไร่ อาจารย์คูณของหลวงปู่เสาร์ เป็นชาวขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ เชื้อสายเขมร เดาว่า ศาสตร์วิชาน่าจะมาจากเขมร ซึ่งแม้ทุกวันนี้ยังเป็นที่คร้ามเกรง ของมวลชนชาวขลัง เป็นไสยวิชช์ที่หลากหลาย ดุจสายน้ำถ่ายทอดกันได้ แม้ชาวบ้านทั่วไปใช่แต่พระ
ขึ้นชื่อลือชาว่า เก่งในสายวิชชาทำร้ายคน แม้ทุกวันนี้ยังพอจะเห็นได้ ตามแถบชายแดนไทย-เขมร ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ เป็นของเล่นของชาวบ้าน ที่ล้อเล่นไม่ได้เพราะว่าทำให้ถึงเป็นถึงตายได้ไม่ยาก
เมื่อเก่งในวิชชาทำร้ายคน แล้วไหนเลย จะไม่เก่งในวิชชาช่วยคน
นี่แหละเขมรแท้
เมื่อถ่ายทอด ทั้งดีทั้งร้ายแล้ว ก็เป็นเรื่องที่จะเลือกกรรมดี หรือกรรมชั่ว ศีลของพระ ย่อมนำไปทางดี กิเลสตัณหาของปุถุชน ย่อมนำไปทางชั่วได้ง่าย
อาจารย์คูณถ่ายทอดไสยวิชช์ให้หลวงปู่ ตั้งแต่หลวงปู่มีอายุได้ 20 กว่าปี หลวงปู่ได้นำมาช่วยคนจนทุกวันนี้
ไม่ ได้ถามหลวงปู่ว่าน้ำมันเตือนภัยนี้เป็นอาจารย์คูณถ่ายทอดหรือเปล่า หลวงปู่เสาร์ ติสฺปญฺโญ กับหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปญฺโญ เหมือนกันตรงที่มีอาจารย์เป็นฆราวาส
เก่งทั้งคู่เลย
ทั้ง 2 ท่าน เป็นเยี่ยงเสือ ไม่ขอเนื้อใครกิน ถ้าสร้างเองแล้วย่อมเสกเอง ไม่พึ่งใคร อยาก บอกว่า ถ้าเป็น ผู้ที่ชอบความสงบเงียบกริบ ไม่กระโตกกระตาก ให้เลี้ยวเข้าวัดกุดเวียน ต.บุ่งขี้เหล็ก อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา จะไปตามล่าหาของขลัง หรือจะไปปลีกวิเวกแบบไหน ก็ตามใจ บางทีถนนขลัง สายใหม่ อาจตัดเข้าสู่วัดกุดเวียน เมื่อไหร่ก็ได้ใครจะรู้....
วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555
โคราชทุกวันนี้เห็นจะมีแต่วัดบ้านไร่ นั่นจึงเป็นเหตุให้ต้องคิดถึงวัดกุดเวียนอย่างกลั้นไม่ไหว
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น